Pages

หลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญ สด จนทสโร พระผู้ปราบมาร

หลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญ สด จนทสโร พระผู้ปราบมาร

โครงการตักบาตรพระ 1,000,000 รูป 77 จังหวัด ทุกวัดทั่วไทย

Translation

DMC.tv  ธรรมะ สมาธิ FEED

Friday, June 24, 2011

ในนิทานเรื่องดาวลูกไก่การฆ่าสัตว์เพื่อเอาเนื้อมาทำอาหารถวายพระจะได้บุญหรือบาปอย่างไร

คำถาม: หลวง พ่อคะ ถ้าเขาเจาะจงฆ่าสัตว์เอาเนื้อมาทำอาหารถวายพระ อย่างนี้พระจะพลอยบาปด้วยไหมคะ ถ้ารู้ว่าโยมเจตนาฆ่าสัตว์เพื่อท่าน อย่างเรื่องดาวลูกไก่ ตากับยายอุตส่าห์ตั้งใจแกงไก่มาถวายพระ ส่วนแม่ไก่จะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งลูกๆ ของมันด้วย ได้ไปเกิดเป็นดาว แสดงว่าไก่ได้บุญ แล้วตากับยายจะได้บุญบ้างไหมคะ?
 
คำตอบ: คุณโยมเอ๊ย...ทำไมไปเอานิทานที่เขาเล่ากล่อมเด็กมาเป็นจริงเป็นจัง เอาเรื่องคนฆ่าสัตว์มาทำอาหารถวายพระในปัจจุบัน มาพิจารณากันก็ได้ หรือจะเอาตากับยายมาเป็นตัวละครก็ไม่ว่ากัน
 
        คำถามนี้หลวงพ่อขอแยกเป็น 2 ข้อ คือเรื่องของคนทำอาหารข้อหนึ่ง กับเรื่องของพระที่ฉันอาหารของญาติโยมอีกข้อหนึ่ง
 
        ข้อแรก ตากับยาย ที่ฆ่าไก่มาแกงถวายพระ ถามว่าแกได้บาปหรือได้บุญ
ตอบว่าแกได้บาปตั้งแต่คิดจะฆ่าไก่แล้ว พอลงมือฆ่าด้วยตนเอง ยิ่งบาปใหญ่เลย และที่แน่ๆ ก่อนจะลงมือฆ่าแกมีบาปก้อนแรกค้างอยู่ในใจก่อนแล้ว คือบาปที่มีความหลงผิด คิดว่าฆ่าสัตว์ถวายให้พระฉันจะได้บุญ
 
        ข้อสอง สำหรับพระภิกษุ ขอให้รับทราบไว้ด้วยว่าเนื้อสัตว์ที่มีผู้ทำอาหารถวายพระนั้น มีพระวินัยอยู่ว่า ถ้าเนื้อนั้น พระได้เห็นหรือได้ยิน ว่าเขาเฉพาะเจาะจงฆ่าสัตว์สำหรับท่านละก็ ท่านฉันไม่ได้นะ
 
เรื่องของดาวลูกไก่
เรื่องของดาวลูกไก่
 
        แม้ที่สุดไม่เห็นการฆ่า ไม่ได้ยินตอนเขาฆ่า และไม่รู้เรื่องด้วยว่าเขาฆ่ามาเฉพาะเพื่อท่าน แต่สงสัยว่าเขาฆ่าเฉพาะเพื่อท่าน แม้อย่างนั้นในพระวินัย ก็กำหนดว่าฉันไม่ได้ เช่น สมมุติว่าพระธุดงค์เดิน ธุดงค์ไปในป่าเจอบ้านโยมหลังหนึ่งก็เข้าไปปักกลดอยู่ห่างๆ พอเช้าขึ้นมาโยมแกงไก่มาถวาย รู้โดยอัตโนมัติเลยว่าเขาฆ่าไก่มาเพื่อท่าน พอสงสัยหรือแหนงใจ อย่างนี้ก็ฉันไม่ได้แล้ว
 
        ถ้ากลัวว่าโยมจะเสียใจจะรับประเคน ก็รับไว้ แต่ฉันไม่ได้เพราะผิดวินัย เป็นอาบัติของพระ
 
        หลวงพ่อเองเคยเดินธุดงค์เข้าไปในป่า พอเช้าขึ้นมาเขาแกงไก่มาถวาย รู้อยู่ว่าในป่านั้นไม่มีตลาดขายเนื้อสัตว์ เพราะฉะนั้นก็รู้โดยสามัญสำนึกว่าไก่นี้ถูกฆ่าเฉพาะเจาะจงมาเพื่อเรา ก็เลยฉันไม่ได้ หลวงพ่อรับประเคนเหมือนกัน เพื่อรักษาน้ำใจ แต่ว่าไม่ฉัน
 
        คราวนี้เรื่องของนิทานที่ว่า ลูกไก่โดดเข้ากองไฟ ตายตามแม่ไก่แล้วไปเกิดเป็นดาว โยมสงสัยว่าไก่ได้บุญ แต่ทำไมตากับยายไม่ได้บุญ โถ...นั่นมันนิทานกล่อมเด็กหรอกคุณโยม มันจะเป็นไปอย่างนั้นได้อย่างไร ไม่มีเหตุผลเลยนะ 
 
        ยังมีเรื่องที่อยากจะบอกให้ทราบทั่วๆ กันไว้อย่างหนึ่ง เพราะหลวงพ่อเคยพบปัญหาทำนองนี้หลายครั้ง คือมีญาติโยมบางคนเอากุ้งดิบปลาดิบมาถวายให้ฉัน แล้วก็บอกว่ามันสุกแล้ว สุกด้วยน้ำส้ม สุกด้วยน้ำมะนาว อะไรทำนองนั้น ก็ต้องบอกเขาไปว่า สุกอย่างนี้พระภิกษุฉันไม่ได้
 
พระภิกษุจะฉันอาหารประเภทเนื้อ ประเภทปลา ต้องให้สุกด้วยไฟ ไม่ใช่สุกด้วยอย่างอื่น
พระภิกษุจะฉันอาหารประเภทเนื้อ ประเภทปลา ต้องให้สุกด้วยไฟ ไม่ใช่สุกด้วยอย่างอื่น
 
        พระวินัยกำหนดไว้เลยว่า พระภิกษุจะฉันอาหารประเภทเนื้อ ประเภทปลา ต้องให้สุกด้วยไฟ ไม่ใช่สุกด้วยอย่างอื่น 
 
        จุดนี้เราจะเห็นว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นห่วงเรื่องสุขภาพพลามัยของภิกษุมาก เพราะว่าเนื้อสัตว์ ถ้ายังไม่สุก เชื้อโรคเอย พยาธิเอย อาจจะมีแทรกอยู่ในเนื้อนั้น แม้ที่สุดเนื้อสุกๆ ดิบๆ พิจารณาดูแล้วยังเห็น เลือดไหลอยู่ซิบๆ ไม่ฉันนั่นแหละดีที่สุด
 
        อีกอย่างหนึ่ง เนื้อสัตว์ 10 ประเภทต่อไปนี้ ในพระวินัยห้ามพระภิกษุฉัน คือ
 
        1. เนื้อมนุษย์
        2. เนื้อช้าง
        3. เนื้อม้า
        4. เนื้อสุนัข
        5. เนื้องู
        6. เนื้อราชสีห์ (สิงโต)
        7. เนื้อเสือโคร่ง
        8. เนื้อเสือเหลือง
        9. เนื้อหมี
      10. เนื้อเสือดาว
 
        เนื้อเหล่านี้ห้ามพระภิกษุฉันเด็ดขาด รูปใดขืนฉัน ถือว่าผิดวินัย ต้องอาบัติ 
 
        คุณโยมทั้งหลายนะ เวลาทำอาหารถวายพระ ดูให้ดี อย่าทำให้ศีล อย่าให้พระวินัยของท่านเสียหายไปเลย เพราะพระบางรูปท่านก็ดูไม่ออกจริงๆ ว่าเป็นเนื้ออะไรบ้าง

No comments:

Post a Comment