Pages

หลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญ สด จนทสโร พระผู้ปราบมาร

หลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญ สด จนทสโร พระผู้ปราบมาร

โครงการตักบาตรพระ 1,000,000 รูป 77 จังหวัด ทุกวัดทั่วไทย

Translation

DMC.tv  ธรรมะ สมาธิ FEED

Tuesday, June 28, 2011

โครงการตักบาตรพระ 1,000,000 รูป 77 จังหวัด ทุกวัดทั่วไทย

 โครงการตักบาตรพระ 1,000,000 รูป

 “โครงการตักบาตรพระ 1,000,000 รูป 77 จังหวัดทุกวัดทั่วไทย”
 
โครงการตักบาตรพระ1,000,000รูป
การตักบาตรพระเป็นวัฒนธรรมที่ดีงามที่ปฏิบัติได้ทุกเพศทุกวั
 
        จาก เหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อเดือน มกราคม พ.ศ. 2547 ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สหพันธ์รวมใจไทยทั้งชาติ ซึ่งประกอบด้วย สมาคม ชมรม องค์กรชาวพุทธกว่า 150 องค์กร โดยการสนับสนุนของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายและประธานมูลนิธิธรรมกาย ได้จัดโครงการตักบาตรพระ 72 รูป  ณ ตลาดไท จ.ปทุมธานี ใน วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 ได้ข้าวสารอาหารแห้ง และปัจจัยจำนวนหนึ่ง นำส่งจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยเครื่องบิน C130 ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากกองทัพอากาศ

        จากนั้นมามูลนิธิธรรมกาย รับเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับสหพันธ์รวมใจไทยทั้งชาติ ชมรมพุทธศาสตร์ในสถาบันการศึกษา กลุ่มกัลยาณมิตรทั่ว โลก ได้จัดพิธีถวายปัจจัยไทยธรรม 266 วัด 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกเดือน หมุนเวียนในจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอำเภอหาดใหญ่ 
 
การตักบาตรพระ
โครงการตักบาตรพระที่ผ่านมา

        กระทั่งปี พ.ศ. 2551 พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) ได้ดำริและสถาปนาโครงการ ตักบาตรพระ 500,000 รูป 76 จังหวัดทุกวัดทั่วไทย เพื่อให้พุทธบริษัท 4 ได้ร่วมใจกันช่วยพระและชาวพุทธทางภาคใต้  โดยจัดไปแล้ว 245 ครั้ง จำนวนพระภิกษุสามเณรร่วมงาน 500,222 รูป ทางคณะกรรมการฯ ได้จัดส่งข้าวสาร อาหารแห้ง ถวายพระภิกษุสามเณร และมอบแด่ทหาร ตำรวจ ครู และชาวบ้าน ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นจำนวนน้ำหนักรวมกว่า 2,000 ตัน และมอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ จำนวน 25,000 กองทุน

        กว่า 6 ปี ที่ช่วยพระ 266 วัด และกว่า 3 ปี ที่ให้กำลังใจครู  แม้ว่าโครงการตักบาตรพระ 500,000 รูป ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ได้รับการตอบรับจากพุทธบริษัท 4 แต่ภัยพระพุทธศาสนา และปัญหา 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่สงบ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) จึงดำริโครงการตักบาตรพระ 1,000,000 รูป 77 จังหวัด ทุกวัดทั่วไทย
 
การตักบาตรเป็นวัฒนธรรมที่ดีงาม
  การตักบาตรคือประเพณีอย่างหนึ่งที่ชาวพุทธปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล

        โดยเริ่มต้นในวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ที่ผ่านมา คณะสงฆ์จังหวัดสระบุรี  โดยการนำของพระเดชพระคุณพระธรรมปิฎก เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี  เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ได้จัดตักบาตรดอกไม้ และข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อส่งไปยัง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นการเริ่มต้นของ โครงการตักบาตรพระ 1,000,000 รูป 77 จังหวัด ทุกวัดทั่วไทย รวมพลังพุทธบริษัท 4 ทั้งแผ่นดินดับไฟใต้ สมกับคำขวัญที่ว่า “พุทธบริษัท 4 ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว”

        สอบถามรายละเอียดการจัดงาน ได้ที่หมายเลข โทรศัพท์ 02-831-1000  ติดตามความเคลื่อนไหว และกิจกรรมทั้งหมดได้ที่   สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง DMC  และทาง  www.dmc.tv
 
     ทั้งนี้ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน และผู้ที่สนใจร่วมสวมชุดขาวขาวมาตักบาตรโดยพร้อมเพรียงกัน
 
การตักบาตรเป็นทานบารมีอย่างหนึ่ง
การตักบาตรเป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชนถือปฏิบัติ

Saturday, June 25, 2011

พลิกชีวิตด้วยการบวช


ชีวิตพระ เพศสมณะ อันสูงส่ง
ห่มจีวร ปฏิบัติธรรม กลั่นใจใส
หยุดใจนิ่ง ตรึกองค์พระ สว่างภายใน
สุขใดๆ มิเทียบเท่า บวชพระเอย
 
 
 

Friday, June 24, 2011

ในนิทานเรื่องดาวลูกไก่การฆ่าสัตว์เพื่อเอาเนื้อมาทำอาหารถวายพระจะได้บุญหรือบาปอย่างไร

คำถาม: หลวง พ่อคะ ถ้าเขาเจาะจงฆ่าสัตว์เอาเนื้อมาทำอาหารถวายพระ อย่างนี้พระจะพลอยบาปด้วยไหมคะ ถ้ารู้ว่าโยมเจตนาฆ่าสัตว์เพื่อท่าน อย่างเรื่องดาวลูกไก่ ตากับยายอุตส่าห์ตั้งใจแกงไก่มาถวายพระ ส่วนแม่ไก่จะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งลูกๆ ของมันด้วย ได้ไปเกิดเป็นดาว แสดงว่าไก่ได้บุญ แล้วตากับยายจะได้บุญบ้างไหมคะ?
 
คำตอบ: คุณโยมเอ๊ย...ทำไมไปเอานิทานที่เขาเล่ากล่อมเด็กมาเป็นจริงเป็นจัง เอาเรื่องคนฆ่าสัตว์มาทำอาหารถวายพระในปัจจุบัน มาพิจารณากันก็ได้ หรือจะเอาตากับยายมาเป็นตัวละครก็ไม่ว่ากัน
 
        คำถามนี้หลวงพ่อขอแยกเป็น 2 ข้อ คือเรื่องของคนทำอาหารข้อหนึ่ง กับเรื่องของพระที่ฉันอาหารของญาติโยมอีกข้อหนึ่ง
 
        ข้อแรก ตากับยาย ที่ฆ่าไก่มาแกงถวายพระ ถามว่าแกได้บาปหรือได้บุญ
ตอบว่าแกได้บาปตั้งแต่คิดจะฆ่าไก่แล้ว พอลงมือฆ่าด้วยตนเอง ยิ่งบาปใหญ่เลย และที่แน่ๆ ก่อนจะลงมือฆ่าแกมีบาปก้อนแรกค้างอยู่ในใจก่อนแล้ว คือบาปที่มีความหลงผิด คิดว่าฆ่าสัตว์ถวายให้พระฉันจะได้บุญ
 
        ข้อสอง สำหรับพระภิกษุ ขอให้รับทราบไว้ด้วยว่าเนื้อสัตว์ที่มีผู้ทำอาหารถวายพระนั้น มีพระวินัยอยู่ว่า ถ้าเนื้อนั้น พระได้เห็นหรือได้ยิน ว่าเขาเฉพาะเจาะจงฆ่าสัตว์สำหรับท่านละก็ ท่านฉันไม่ได้นะ
 
เรื่องของดาวลูกไก่
เรื่องของดาวลูกไก่
 
        แม้ที่สุดไม่เห็นการฆ่า ไม่ได้ยินตอนเขาฆ่า และไม่รู้เรื่องด้วยว่าเขาฆ่ามาเฉพาะเพื่อท่าน แต่สงสัยว่าเขาฆ่าเฉพาะเพื่อท่าน แม้อย่างนั้นในพระวินัย ก็กำหนดว่าฉันไม่ได้ เช่น สมมุติว่าพระธุดงค์เดิน ธุดงค์ไปในป่าเจอบ้านโยมหลังหนึ่งก็เข้าไปปักกลดอยู่ห่างๆ พอเช้าขึ้นมาโยมแกงไก่มาถวาย รู้โดยอัตโนมัติเลยว่าเขาฆ่าไก่มาเพื่อท่าน พอสงสัยหรือแหนงใจ อย่างนี้ก็ฉันไม่ได้แล้ว
 
        ถ้ากลัวว่าโยมจะเสียใจจะรับประเคน ก็รับไว้ แต่ฉันไม่ได้เพราะผิดวินัย เป็นอาบัติของพระ
 
        หลวงพ่อเองเคยเดินธุดงค์เข้าไปในป่า พอเช้าขึ้นมาเขาแกงไก่มาถวาย รู้อยู่ว่าในป่านั้นไม่มีตลาดขายเนื้อสัตว์ เพราะฉะนั้นก็รู้โดยสามัญสำนึกว่าไก่นี้ถูกฆ่าเฉพาะเจาะจงมาเพื่อเรา ก็เลยฉันไม่ได้ หลวงพ่อรับประเคนเหมือนกัน เพื่อรักษาน้ำใจ แต่ว่าไม่ฉัน
 
        คราวนี้เรื่องของนิทานที่ว่า ลูกไก่โดดเข้ากองไฟ ตายตามแม่ไก่แล้วไปเกิดเป็นดาว โยมสงสัยว่าไก่ได้บุญ แต่ทำไมตากับยายไม่ได้บุญ โถ...นั่นมันนิทานกล่อมเด็กหรอกคุณโยม มันจะเป็นไปอย่างนั้นได้อย่างไร ไม่มีเหตุผลเลยนะ 
 
        ยังมีเรื่องที่อยากจะบอกให้ทราบทั่วๆ กันไว้อย่างหนึ่ง เพราะหลวงพ่อเคยพบปัญหาทำนองนี้หลายครั้ง คือมีญาติโยมบางคนเอากุ้งดิบปลาดิบมาถวายให้ฉัน แล้วก็บอกว่ามันสุกแล้ว สุกด้วยน้ำส้ม สุกด้วยน้ำมะนาว อะไรทำนองนั้น ก็ต้องบอกเขาไปว่า สุกอย่างนี้พระภิกษุฉันไม่ได้
 
พระภิกษุจะฉันอาหารประเภทเนื้อ ประเภทปลา ต้องให้สุกด้วยไฟ ไม่ใช่สุกด้วยอย่างอื่น
พระภิกษุจะฉันอาหารประเภทเนื้อ ประเภทปลา ต้องให้สุกด้วยไฟ ไม่ใช่สุกด้วยอย่างอื่น
 
        พระวินัยกำหนดไว้เลยว่า พระภิกษุจะฉันอาหารประเภทเนื้อ ประเภทปลา ต้องให้สุกด้วยไฟ ไม่ใช่สุกด้วยอย่างอื่น 
 
        จุดนี้เราจะเห็นว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นห่วงเรื่องสุขภาพพลามัยของภิกษุมาก เพราะว่าเนื้อสัตว์ ถ้ายังไม่สุก เชื้อโรคเอย พยาธิเอย อาจจะมีแทรกอยู่ในเนื้อนั้น แม้ที่สุดเนื้อสุกๆ ดิบๆ พิจารณาดูแล้วยังเห็น เลือดไหลอยู่ซิบๆ ไม่ฉันนั่นแหละดีที่สุด
 
        อีกอย่างหนึ่ง เนื้อสัตว์ 10 ประเภทต่อไปนี้ ในพระวินัยห้ามพระภิกษุฉัน คือ
 
        1. เนื้อมนุษย์
        2. เนื้อช้าง
        3. เนื้อม้า
        4. เนื้อสุนัข
        5. เนื้องู
        6. เนื้อราชสีห์ (สิงโต)
        7. เนื้อเสือโคร่ง
        8. เนื้อเสือเหลือง
        9. เนื้อหมี
      10. เนื้อเสือดาว
 
        เนื้อเหล่านี้ห้ามพระภิกษุฉันเด็ดขาด รูปใดขืนฉัน ถือว่าผิดวินัย ต้องอาบัติ 
 
        คุณโยมทั้งหลายนะ เวลาทำอาหารถวายพระ ดูให้ดี อย่าทำให้ศีล อย่าให้พระวินัยของท่านเสียหายไปเลย เพราะพระบางรูปท่านก็ดูไม่ออกจริงๆ ว่าเป็นเนื้ออะไรบ้าง

Sunday, June 19, 2011

บอกบุญบวชพระแสนรูปรุ่นเข้าพรรษา

เพิ่งกลับจากการบอกบุญชวนบวชพระ รุ่นเข้าพรรษา  บอกับวินมอเตอร์ไซด์ตามถนน ตลาดนัดมหาชัย  และบอกพลวงพี่ที่วัดคลองครุ ให้ช่วยบอกบุญ และจะไปตามผลอีกที ต้องมียอดเข้ามาแน่เลย

Friday, June 10, 2011

ธรรมะหลวงพ่อทัตตชีโว โรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน 09-06-2554

ธรรมะ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ไม่ธรรมะตื้น ๆ อย่างมองอย่างนั้น  เช่น อย่าคบคนพาล   มีพาลภายนอก และพาลภายใน

พาลภายนอก เช่น โจร
พาลภายใน ต้องระวัง ได้แก่ นิสัยไม่ดีของเราเอง มองตรงนี้ ให้ดี

นิสัยดีและไม่ดี มีอยู่ในตัวเรา ทุกคน ต้องหาให้เจอ

นิสัยไม่ดีมีอะไรบ้าง  ไม่รู้ ยากมากที่จะรู้  คนเราเกิดมาไม่เคยเห็นหน้าตัวเอง เคยเห็นแต่หน้าคนอื่น  เคยเห็นแต่เงาในกระจก ถูกใจทุกอย่างดีหมด ถ้าไม่ถูกใจทุกคนก็หมดดี

1.ลืมดูนิสัยของตัวเอง 2. หาใครมาบอกว่า เรามีนิสัยไม่ดีอย่างไร หายากมาก 3. หาท่านที่บอกเราได้ แต่ก็ยากที่เราจะเชื่อ (ชอบเถียง) หมดดี 4. หาวิธีแก้ไขยากอีก เราคุ้นจนเป็นนิสัย 5. ไม่มีกำลังใจแก้ เพราะคุ้น เช่นเลิกเหล้า ไม่ได้


พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงชี้ให้เห็นนิสัยไม่ดีของตนเองได้ง่าย เร็ว ชัด  4 กาลด้วยกัน

ฟังธรรมตามกาล
  1. กาลฟังธรรมะตามกาลตามเวลา  เช่นดู DMC
  2. เทศน์บรรยายธรรม ที่ไหน ก็ไปฟังธรรมตามกาล
  3. ไปวัดฟังธรรม ตามกาล
  4. มีทุกข์หนัก ไปฟังธรรมะตามกาล
สนทนาธรรมตามกาล
แสดงธรรมตามกาล
ปฏิบัติธรรมตามกาล
  • ไม่ใช่นั่งสมาธิ อย่างเดียว 
  • ทั้งทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ให้เป็นเนื้อเดียวกัน
กาลทั้ง 4 ใครได้นำไปปฏิบัติ หมดกิเลส แน่นอน ทำให้เต็มที่


" ไม่ทำใจหยุดนิ่ง ไม่สามารถเข้าถึงพระธรรมกาย ปฐมมรรค หากไม่นั่ง ต่อให้ช่วยงานแค่ไหน ตามไม่ทัน ต้องนั่ง "คุณยาย
 หมายถึง เราต้องทำภาวนาด้วยตัวของเราเอง ไม่มีใครช่วยเราได้

การฟังธรรมตามกาล ต้องฟังด้วยความเคารพ  ไม่คิดแย้ง  พระท่านรู้ว่า ต้องให้ธรรมะถูก เพราะถ้าให้ผิด ๆ  นำไปใช้ผิด ๆ ท่ายต้องเตรียมมาอย่างดีทั้งนั้น  อย่าฟังแบบจับผิด พยายามน้อมใจตรองตาม ไม่คิดจับผิด ตามไม่ทันเพราะเราข้อมูลไม่พอ  ก็ไม่คิดแย้งจับผิด  เราไม่ขัดธรรมะ   ฉะนั้นต้องมีความเคารพในธรรม

ธรรมเนียมประเพณีในการฟังเทศน์
  1.  แต่งกายเรียบร้อย  ชุดขาว เสริมบรรยากาศของการฟังธรรม
  2.  ผู้ดูแลวัด ให้ดูจัดหาที่ ทาง ให้ดี จัดที่นั่งให้ดีอยู่ข้างหน้า  ต้องรู้คุณคน 
  • ดูวัยวุฒิ
  • คุณวุฒิ
  • ชาติวุฒิ ใครทำความดีความจะคุ้มครองไปถึงลูกหลาน 
" ใครมาวัดร้อย เลี้ยงให้ได้ร้อย  ใครมาวัดล้าน เลี้ยงให้ได้ล้าน "คุณยาย
" ความถือตัว แก้ไขโดยการจัดรองเท้าให้เป็นระเบียบ  หลวงพ่อก้มอยู่ 3 ครั้ง ครั้งที่ 4 จึงจัดได้ หลวงพ่อ ไม่ใช่คนถือตัว  แต่เชื้อมี "

 " การสร้างบรรยากาศที่ดีในการฟังธรรม กระดาษ ดินสอ ปากกา เตรียมพร้อมจด "

" นี่เป็นส่วนหนึ่งของการฟังธรรมด้วยความเคารพ "


พระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ทรงกล่าวถึงความเคารพดังนี้

  1. เคารพในพระพุทธ
  2. เคารพในพระธรรม
  3. เคารพในพระสงฆ์
  4. เคารพในการศึกษา
  5. เคารพในสมาธิ
  6. เคารพในความไ่ม่ประมาท   ระวังภัยที่ยังมาไม่ถึง
  7. เคารพในการปฏิสันถาร (ต้อนรับ)
อานิสงฆ์ของการเคารพ
" เหยียบไปถึงไหนก็ได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่ง "

อาทิตย์ ที่ 12 มิถุนายน 2554 นี้  โครงการตักบาตรพระ 1 ล้าน รูป 

ณ. วัดเสมียนนารี กทมฯ  ตักบาตรอาหารแห้ง พระ 15000 รูป เวลา 06.00 น. ข้าวสารอาหารแห้งส่งไปช่วย พระและชาวพุทธใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้













 






Wednesday, June 8, 2011

ตนลิขิตชีวิตตน

ตนลิขิตชีวิตตน
เด็กน้อยสวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า
เด็กน้อยสวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า
         พื้นฐานความเชื่อของคนโดยส่วนใหญ่  ที่ไม่ได้ศึกษาคำสอนในพระพุทธศาสนา  มักคิดว่า  ชะตาชีวิตของคนเรานั้น  ขึ้นอยู่กับพรหมลิขิต  หรือฟ้าบันดาล  บางคนเชื่อว่า  พระเจ้าเป็นผู้กำหนด  จึงพยายามอ้อนวอนร้องขอให้สิ่งเหล่านั้นช่วยดลบันดาลให้ชีวิตดีขึ้น
          แต่พวกเขาเหล่านั้นหารู้ไม่ว่า  แท้จริงแล้วไม่มีใครกำหนดชะตาชีวิตใครได้  นอกจากตัวเขาจะเป็นผู้กำหนดเอง  โดยอาศัยกรรมหรือการกระทำ  ใครทำกรรมดี...ย่อมได้ผลดี  ใครทำกรรมชั่ว...ย่อมได้รับผลชั่ว  ไม่มีใครสามารถอ้อนวอนหรือบังคับให้ใครเป็นอย่างไรได้  ดังเรื่องที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน  ภูมกสูตร  ซึ่งมีใจความว่า...
          ในสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ ปาราริก อัมพวัน  เมืองนาลันทาหัวหน้าหมู่บ้านชื่อ  “อสิพันธ์”  ได้ไปเฝ้าและทูลถามปัญหาพระบรมศาสดา  ถึงคนที่ตายแล้วว่า...
           พระพุทธองค์สามารถทำให้คนเหล่านั้นไปเกิดในสวรรค์ทั้งหมดได้หรือไม่  พระพุทธองค์จึงทรงย้อนถามกลับไปว่า...
          “อสิพันธ์...  เราจะขอถามท่าน  คนบางคนในโลกนี้เป็นผู้ฆ่าสัตว์  ลักทรัพย์  ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ  พูดส่อเสียด  พูดคำหยาบ  พูดเพ้อเจ้อ  โลภมาก  พยาบาท  และมีความเห็นผิดมหาชนได้ประชุมกันแล้วพากันสวดอ้อนวอนว่า  ขอให้คนๆ นี้  เมื่อตายแล้วจงไปเกิดในสวรรค์เถิด  คนที่ไม่มีกุศลกรรมบถผู้นี้  เมื่อตายแล้ว  จะไปเกิดในสวรรค์ได้หรือไม่
          “ไม่ได้  พระพุทธเจ้าข้า”
เปรียบเสมือนโยนหินลงในแม่น้ำ
เปรียบเสมือนโยนหินลงในแม่น้ำ
          “อสิพันธ์...  เปรียบเสมือนคนโยนหินก้อนใหญ่ลงไปในแม่น้ำลึก  แล้วมหาชนพากันสวดอ้อนวอน  ขอให้ก้อนหินลอยขึ้นมา  ก้อนหินจะลอยขึ้นมาตามเสียงสวดวิงวอนหรือไม่”
           “ไม่ลอยขึ้นมา  พระพุทธเจ้าข้า”
           “อสิพันธ์...ฉันนั้นก็เหมือนกัน  ผู้ใดไม่รักษากุศลกรรมบถ ๑๐  เมื่อตายไปย่อมตกนรก  แม้เสียงอ้อนวอนของมหาชนก็ไม่อาจจะช่วยอะไรใครได้
          ส่วนคนบางคนในโลกนี้  รักษากุศลกรรมบถ ๑๐ มีการไม่ฆ่าสัตว์ เป็นต้น  เมื่อตายไป ย่อมไปเกิดในสวรรค์  แม้มหาชนจะพากันสวดอ้อนวอน  ให้ผู้ตายไปเกิดในนรก  เขาก็ต้องไปเกิดในสวรรค์ตามกุศลกรรมของเขา
          เปรียบเสมือนคนเทน้ำมันลงในแม่น้ำ  แม้มหาชนจะสวดอ้อนวอน  ให้น้ำมันจมลง  น้ำมันย่อมลอยขึ้น  ไม่จมใต้น้ำ”
คราบน้ำมันบนผิวน้ำ
คราบน้ำมันบนผิวน้ำ
          พระสูตรนี้แสดงให้เห็นว่า...  “วัวใครก็เข้าคอกใคร”  หมายถึง  ใครทำดีย่อมได้ดี  ใครทำชั่วย่อมได้ชั่ว...  ไม่มีใครหลีกพ้น  จะสรรเสริญหรือบาปแช่งให้ใครดีหรือชั่วไม่ได้เลย

Tuesday, June 7, 2011

service mind

เป็นเรื่องราวที่ไม่ใหม่นักและ สินค้ามีความต่างกันมาก เมื่อก่อนของดีกับไม่ดีแยกกันออกง่าย แต่สมัยนี้มีเทคโนโลยีเข้ามามากและขบวนการจ้างผลิตเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย ด้านความแตกต่างด้านสินค้าน้อยลง สิ่งที่แตกต่างคือการบริการประทับใจ บริการนี้จะส่งต่อการรับความนิยมในผลิตภัณท์หรือยอดขายต่างกันตรงนี้ส่วน หนึ่ง และอีกส่วนคือความภาคภูมิใจที่ได้ใช้ หรือคุณค่าที่ได้ใส่ลงไปและตัวผลิตภัณท์ใกล้กันมาก แต่จะทำอย่างไรให้ลูกค้าของเรามีหัวใจบริการ


Saturday, June 4, 2011

พรุ่งนี้วันอาทิตย์ต้นเดือนบูชาข้าวพระ

ภาคเช้าบูชาข้าวพระ บ่ายมอบสไบแก้ว แก่อุบาสิกาแก้วรุ่นที่ 6 จุดธรรมจาริณีประทีป

Wednesday, June 1, 2011

ดื่มเหล้ามันขม มาดื่มนมกันดีกว่า 1 มิถุนายน วันดื่มนมโลก Update !

วันดื่มนมโลก World Milk Day
 
วันดื่มนมโลก world milk day
1 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันดื่มนมโลกหรือ World Milk Day
 
     องค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ หรือ The Food and Agriculture Organization หรือ FAO กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี เป็น “วันดื่มนมโลก (World Milk Day) เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ และองค์กรที่ให้ความสำคัญและสนับสนุนการบริโภคนม ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์และกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของการบริโภคนม ด้วยการให้ความรู้และคุณประโยชน์ของนมให้แก่ประชาชน โดยปัจจุบันมีมากกว่า 35 ประเทศทั่วโลกที่ได้มีการจัดกิจกรรมวันดื่มนมโลก
 
     ธาตุอาหารใน "นม" ทั้งโปรแตสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ล้วนมีส่วนช่วยไม่ให้ความดันโลหิตสูงเกินกว่าปกติ เพื่อสุขภาพฟันที่ดี โดยปกติเนื้อฟันมีสารเคลือบที่ถือเป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุดในร่างกาย ซึ่งประกอบด้วยแคลเซียม ฟันจึงต้องการแคลเซียมเพื่อช่วยเสริมสร้างให้ฟันแข็งแรงมีสุขภาพดี นมอุดมด้วยแคลเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อฟัน มีโปรตีนที่ช่วยให้ฟันเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยเคลือบผิวฟันอีกด้วย ช่วยคุมน้ำหนัก หลายๆ คนหลีกเลี่ยงไม่ดื่มนมเพราะเชื่อว่านมทำให้อ้วน แต่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นนมสด นมพร่องไขมัน หรือนมไม่มีไขมัน มีปริมาณไขมันแค่เพียง 3.9%, 1.7%, และ 0.3% เท่านั้น
 
วันดื่มนมโลก จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนรู้ประโยชน์ของนม
ปัจจุบันมีมากกว่า 35 ประเทศทั่วโลกที่ได้มีการจัดกิจกรรมวันดื่มนมโลก
 
     นอกจากนี้ "นม" ยังเป็นเครื่องดื่มที่มอบความสดชื่นไม่แตกต่างจากน้ำดื่ม การดื่มนมเพียงหนึ่งหรือสองแก้วจะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นและยังทำให้ได้รับ คุณค่าสารอาหารที่ร่างกายต้องการอีกด้วย นม 1 กล่อง เท่ากับทุกคุณค่าของสารอาหารที่ร่างกายต้องการ แคลเซียม สร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟันวิตามินบี 12 ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงคาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานกับร่างกายแมกนีเซียม สร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อฟอสฟอรัส สร้างพลังงานให้กับเซลล์ในร่างกาย และทำให้กระดูกแข็งแรงโปรแตสเซียม ช่วยรักษาระดับความดันเลือดให้เป็นปกติ โปรตีนสร้างเสริมการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ วิตามินบี 2 ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี ช่วยระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
 
ประโยชน์ของน้ำนม
 
     น้ำนมดิบมีสารอาหารครบ 5 หมู่ ประกอบไปด้วย โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ คาร์โบไฮเดรต และ ไขมัน ร่างกายสามารถนำสารอาหารจากน้ำนมไปใช้ประโยชน์ในการเจริญเติบโต ช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ที่สำคัญอย่างยิ่งคือนมมีแร่ธาตุ แคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยสร้างกระดูกและฟัน นมจึงถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาร่างกายและสมองของเด็ก
 
    โปรตีน ในน้ำนมเกือบทั้งหมดประกอบด้วยสารอาหารโปรตีน ที่เรียกว่า เคซีน , โกลบูลิน, อัลบูมิน และมีกรดอะมิโนอยู่ 19 ชนิด ซึ่งมีประโยชน์ต่อการสร้างเนื้อเยื่อ เลือด กระดูก และเอนไซม์ชนิดต่าง ๆ ในน้ำนมมีน้ำตาลที่มีชื่อว่า แล็คโตส (Lactose) ซึ่งช่วยในการเจริญเติบโตของสมอง และ ที่น่าสนใจคือโปรตีนที่เรียกว่า เคซีน (Casein) จะพบในธรรมชาติคือในน้ำนมเท่านั้น
 
    วิตามิน วิตามินเอ มีหน้าที่สำคัญต่อระบบสายตา , วิตามินบี B1 ช่วยในการทำงานของระบบประสาท หัวใจ และระบบขับถ่าย , B2 ช่วยในการทำงานของระบบประสาท และผิวหนัง , B6 ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเด็ก , B12 สร้างเซลล์ในโพรงกระดูก และเม็ดเลือดแดง วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟันให้แข็งแรง สร้างภูมิป้องกันต้านทานโรค และทำลายสารพิษต่าง ๆ วิตามินดี ก่อให้เกิดการป้องกันความผิดปกติของกล้ามเนื้อ และลดไขมันในเส้นเลือด
 
    เกลือแร่ ในน้ำนมประกอบด้วยเกลือแร่หลายชนิด คือแคลเซียม เป็นสารอาหารจำเป็นในการสร้างกระดูกและฟัน (เสริมสร้างในวัยเด็กและซ่อมแซมในวัยผู้ใหญ่) , ฟอสฟอรัส ทำงานร่วมกับแคลเซียม , โปตัสเซียม ควบคุมความสมดุลของเซลล์เกี่ยวกับความดันโลหิต นอกจากนี้ยังมี โซเดียม แมกนีเซียม และเหล็ก
 
    ไขมัน ปกติเราเรียกไขมันจากน้ำนมว่า "มันเนย" เป็นส่วนที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย (แต่นมจะให้ไขมันเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับขนมปัง นมถั่วเหลือง หรือเนื้อ)
 
     นมเป็นแหล่งสำคัญของแคลเซียมและโปรตีน ช่วยให้กระดูกเจริญเติบโตและแข็งแรง นมมีความสำคัญกับเด็กมากโดยเฉพาะเด็กในช่วงก่อนเข้าวัยรุ่นและช่วงวัยรุ่น เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายเจริญเติบโตเร็วมาก
 
นมมีประโยชน์อย่างมากมายจึงต้องตั้งวันดื่มนมโลก World Milk Day ขึ้น
นมมีประโยชน์ต่อร่างกาย ดื่มได้ทุกเพศทุกวัย
 
     แคลเซียมช่วย ให้เด็กมีความหนาแน่นของมวลกระดูกมากขึ้น พอเข้าสู่วัยรุ่น จะช่วยให้กระดูกยาวขึ้น ถ้าในวัยเด็กและวัยหนุ่มสาว ร่างกายเรามีการสะสมไว้เพียงพอ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน กระดูกเปราะแล้วยังช่วยในเรื่องของฟันอีกด้วย แต่ถ้าใครมีไม่เพียงพอ จะทำให้เสี่ยงต่อโรคกระดูกเปราะได้ง่าย
 
     ความจริงประโยชน์ของแคลเซียมในน้ำนมไม่ได้มีแค่นั้น ยังทำหน้าที่ยืดหดของกล้ามเนื้อ ช่วยให้ระบบประสาทไวต่อสิ่งเร้ามากขึ้น ช่วยให้เลือดแข็งตัว
 
     งานวิจัยระยะหลังออกมามากว่า แคลเซียมช่วยลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของมะเร็งลำ ไส้ใหญ่ ซึ่งขณะนี้ในหลายประเทศทั้งสหรัฐและยุโรป ศึกษาวิจัยกันมาก โดยใช้นมพร่องมันเนยให้กับเด็กวัยรุ่นที่อยู่ในโปรแกรมลดน้ำหนัก โดยพบว่ากลุ่มเด็กที่ดื่มนมพร่องมันเนยสามารถลดน้ำหนักได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ ได้ดื่มนม ทำให้เข้าใจว่าแคลเซียมมีผลต่อการใช้ไขมัน ซึ่งอยู่ในขั้นศึกษาอยู่ แต่พอสรุปได้ว่านมยังช่วยในเรื่องลดน้ำหนักอีกด้วย
 
     ทั้งนี้ มีข้อมูลระบุว่า เด็กไทยตัวเตี้ยกว่ามาตรฐานสากลค่อนข้างเยอะ ถ้าอยากให้เด็กไทยเติบโตเต็มศักยภาพ พ่อแม่ผู้ปกครองควรให้ลูกหลานดื่มนมอย่างเพียงพอ เพราะนมมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์กับเด็ก โดยเฉพาะนมจืด เพราะไม่เป็นปัญหาในเรื่องอ้วนและฟันผุ
 
     จากภาพรวมในรายงานของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร ระบุด้วยว่าคนไทยดื่มนม 12.3 ลิตรต่อคนต่อปี เทียบแล้วตกวันละ 33 ม.ล.หรือประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ถือว่าค่อนข้างน้อย
 
      บางคนไม่ชอบดื่มนม เพราะดื่มแล้วไม่สบายท้อง ท้องเสีย จริงๆ แล้วคนอายุ 6 ขวบ ขึ้นไป น้ำย่อยที่จะย่อยน้ำตาลแลกโตสในนม ซึ่งอยู่ในทางเดินอาหารจะน้อยหรือแทบจะไม่มีแล้ว น้ำตาลจะถูกแบคทีเรียใช้ สร้างเป็นกรดขึ้นมา เกิดเป็นแก๊ส ทำให้ท้องเสีย ซึ่งเป็นปัญหาของคนที่ไม่ได้ดื่มนมต่อเนื่อง แต่คนที่ดื่มนมต่อเนื่องจะมีการปรับตัว ทำให้ไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการ
 
นม ดื่มได้ทุกเพศทุกวัย
นมมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์กับเด็กโดยเฉพาะนมจืด
 
     ดังนั้น คนที่ดื่มนมแล้วมีอาการ จะมีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนสูง จึงควรปรับมาดื่มนมหลังอาหารหรือดื่มปริมาณน้อยแต่ดื่มหลายๆ ครั้ง ให้ได้วันละ 1 แก้ว เพื่อไปชะลอไม่ให้กระดูกพรุนเร็วขึ้น
 
นมมีกี่ประเภท 
 
ประเภทของนมในท้องตลาดหลักๆมี 3 ประเภท คือ พาสเจอร์ไรส์  สเตอริไรส์ และ ยู เอช ที
 
    1. พาสเจอร์ไรส์ คือ นมโคสดที่ผ่านขบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง (75 C) ภายในระยะเวลารวดเร็ว (15 วินาที) ทำให้นมมีคุณค่าทางอาหารอยู่ครบถ้วน มีความสดใหม่ กลิ่นหอมและคุณภาพดี (ควรเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำกว่า 8 c) มีอายุในการเก็บรักษา 14 วัน (ถ้าเป็นนมที่บรรจุในกล่อง Fresh Pak จะสามารถยืดอายุการเก็บรักษาได้นานถึง 21วัน)
   
     2. ยู เอช ที คือนมโคสดที่ผ่านขบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง (140 c) ภายในเวลา 4 วินาที มีอายุการเก็บรักษาประมาณ 6-9 เดือน
 
     3. สเตอริไรส์ คือนมโคสดที่ผ่านขบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง (115-120 c) ภายในเวลา 20-30 นาที มีอายุในการเก็บรักษานาน 1 ปี
 
นมเหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย
 
     คนทุกเพศทุกวัยจำเป็นต้องได้ดื่มนม เพราะร่างกายจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ในนมมาสร้างเสริมร่างกาย ให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา

     สำหรับหญิงตั้งครรภ์ควรดื่มนมเป็นประจำโดยเฉพาะนมที่มีแคลเซียมสูง จะช่วยเสริมสร้างกระดูกทั้งของทารกในครรภ์และสำหรับตัวคุณแม่เอง เพราะทารกที่อยู่ในครรภ์จะดึงแคลเซียมของแม่ไปเพื่อสร้างกระดูกของทารก นอกจากนี้ ยังสามารถดื่มนมเปรี้ยวเพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารในร่างกายเป็นปกติ , ลดไขมันในเส้นเลือด, สร้างภูมิคุ้มกันโรค และช่วยระบบขับถ่ายดียิ่งขึ้น เนื่องจากหญิงตั้งครรภ์จะมีอาการท้องผูกอยู่เสมอ

     ส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานควร หลีกเลี่ยงนมที่มีรสหวาน แนะนำให้ดื่มนมพร่องมันเนย (Low fat) หรือ นมขาดมันเนย (Non fat) แทน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยลดความกังวลเรื่องระดับน้ำตาลคลอเรสเตอรอลในเลือดได้
 
เพราะนมมีความสำคัญต่อร่างกายจึงได้มีวันดื่มโลก World Milk Day ขึ้น
ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานควรหลีกเลี่ยงนมที่มีรสหวาน ควรดื่มนมพร่องมันเนยหรือนมขาดมันเนย
 
ปริมาณในการดื่มนมที่เหมาะสม
 
วัยเด็ก (อายุ 1-12 ปี) ควรดื่มนมไม่น้อยกว่าวันละ 3 แก้ว

วัยหนุ่มสาว (13-25 ปี) ควรดื่มนมไม่น้อยกว่าวันละ 4 แก้ว

ผู้ใหญ่ (25 ปีขึ้นไป) ควรดื่มนมไม่น้อยกว่าวันละ 2 แก้ว (นม 1 แก้ว ปริมาณ 200 ซีซี (ขนาดเท่านมขวดเล็ก)

     โดยเฉลี่ยแล้วทุกคนควรดื่มไม่น้อยกว่าวันละ 2 แก้ว แต่ถ้าเป็นสตรีมีครรภ์ หรือหลังคลอดบุตรควรดื่มไม่น้อยกว่าวันละ 3 แก้ว
 
ทำไมดื่มนมแล้วท้องเสีย
 
     ผู้ที่มีอาการปวดท้องหรือท้องเสียภายจากการดื่มนม มีสาเหตุมาจากการขาดน้ำย่อยสำหรับย่อยน้ำตาลแลคโตสในนม (ขาดเอนไซม์ที่เรียกว่า บี-กาแลคโทซิเดส) อาการนี้ส่วนมากจะพบในผู้ใหญ่ เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ดื่มนมสดมาตั้งแต่เด็ก ทำให้มีอาการปวดท้องเวลาดื่มนม ทางแก้ไขคือ ควรค่อยๆ ดื่มนมทีละน้อยเพื่อให้ร่างกายเริ่มสร้างน้ำย่อยสำหรับย่อยน้ำตาลใน นม

     สำหรับผู้ที่มีปัญหาจากการดื่มนม แนะนำให้เลือกดื่มนมเปรี้ยวแทน เนื่องจากเชื้อจุลินทรีย์ในนมเปรี้ยวจะสร้างกรดแลคติกซึ่งจะช่วยย่อยน้ำตาล แลคโตสในนมได้ง่ายกว่าการบริโภคนมโดยตรง
 
การดื่มนมกับความอ้วน
 
     การดื่มนมไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอ้วน เนื่องจากในนมสดจะมีไขมันเพียง 3.8% หรือประมาณ 1 ช้อนชาต่อนม 1 ขวดใหญ่เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับอาหารชนิดอื่น ผู้ที่เป็นโรคอ้วน ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารมัน อาหารจุบจิบ แต่หากกังวลเกี่ยวกับความอ้วนแล้ว ควรดื่มนมพร่องมันเนยหรือนมไม่มีไขมันที่มีแคลเซียมสูงแทน
 
อีก 1 ทางเลือกสำหรับผู้ที่ชอบดื่มนม
 
    นมเปรี้ยว เป็นน้ำนมหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากนม ที่มีการเติมเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น เชื้อ แลกโต บาซิลลัส ที่ช่วยในการย่อยอาหาร และผลิตวิตามินเค และทำให้เกิดการหมักตัว มีความเปรี้ยวขึ้น น้ำนมที่นำมาใช้ทำนมเปรี้ยวนั้น มีทั้งเป็นน้ำนมสด และนมที่ได้สกัดเอามันเนยออก แล้วอาจมีการเติมสี กลิ่นรสชาติ เช่นเติมผลไม้เชื่อม หรือเติมรสส้ม องุ่น ลิ้นจี่ ฯลฯ
 
ประเภทของนมเปรี้ยว นมเปรี้ยวที่วางขายในท้องตลาดมีหลายชนิดสามารถแบ่งได ้ดังนี้
 
นมเปรี้ยวชนิดผง
 
     ดัดแปลงมาจากน้ำนมวัวธรรมดาและคงคุณค่าของสารอาหารในน้ำ นมได้ ทั้งด้านโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ แต่ผ่านกระบวนการหมัก จนเกิดกรดที่มีรสเปรี้ยวเสียก่อน จึงนำมาทำให้แห้งเป็นผงนมเปรี้ยวชนิดนี้ใช้สำหรับเด็ก โดยใช้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาโรคระบบทางเดินอาหารของเด็ก
 
โยเกิตท์อาหารเพื่อสุขภาพที่ทำจากนม
โยเกิร์ตอีกทางเลือกหนึ่งของสุขภาพ
 
โยเกิร์ต
 
     เป็นผลิตภัณฑ์นมเปรี้ยวที่มีลักษณะกึ่งแข็งกึ่งเหลว ทำโดยการเติมเชื้อจุลินทรีย์ หรือเชื้อราบางชนิดตามธรรมชาติ ที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย ลงไปในนมและทิ้งไว้ให้เกิดการหมักและเกิดรสเปรี้ยว ในอดีตการผลิตนมเปรี้ยวจะไม่มีการปรุงแต่งสี กลิ่น รส ต่อมาได้มีการพัฒนาดัดแปลงปรุงแต่งเติมทั้งสี กลิ่น รส ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างกันหลายอย่างให้ผู ้บริโภคเลือกซื้อได้ตามพอใจ
 
นมเปรี้ยวที่เป็นของเหลว
 
     มักจะทำมาจากนมขาดมันเนยและมีการเติมน้ำตาลลงไปเพื่อให้ เชื้อจุลินทรีย์เจริญเติบโตได้ดี เชื้อจุลินทรีย์ที่ใช้มักจะเป็นแลกโตบาซิลลัส แล้วปล่อยให้เกิดการหมักและย่อยนมบางส่วนจนกระทั่งมี รสเปรี้ยวจึงนำออกมาจำหน่าย
 
นมเปรี้ยวเทียม
 
     คือน้ำนมที่นำมาเติมกรดแลคติกหรือกรดอื่นๆ เพื่อทำให้เกิดรสเปรี้ยว โดยไม่ผ่านการหมักหรือเติมจุลินทรีย์ใดๆ แล้วปรุงแต่งสี กลิ่น รส แล้วนำออกมาจำหน่าย ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องเก็บในที่ที่เย็น และสามารถเก็บได้นานกว่านมเปรี้ยวธรรมดา
 
     สารอาหารที่ได้รับจากการบริโภคนมเปรี้ยวจะแตกต่างกันออกไปตามนมที่นำมาใช้ใน การทำ โดยแยกตามปริมาณของไขมัน มี 3 ระดับคือ นมเปรี้ยวที่มีไขมันสูง จะมีไขมันประมาณ 3% ขึ้นไป นมเปรี้ยวไขมันต่ำ จะมีไขมันปริมาณ 1.5 - 3% และชนิดที่มีไขมันน้อยมาก
 
     นอกจากนี้จะมีปริมาณโปรตีนประมาณ 12 - 18% ส่วนปริมาณคาร์โบไฮเดรทจะมีมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการปรุงแต่งรส และมีปริมาณเหล็กและทองแดงต่ำมาก คุณค่าทางโภชนาการของนมเปรี้ยว จึงขึ้นอยู่กับชนิดของนมที่นำมาใช้ และปรุงแต่งลงไป ถ้าทำมาจากนมสด คุณค่าจะเท่ากับนมสด ถ้าทำมาจากหางนมที่ได้สกัดไขมันออกจะมีคุณค่าทางโภชนาการน้อยลงไป จึงไม่ควรรับประทานนมเปรี้ยวเป็นอาหารหลัก
 
การประยุกต์นมมาทำเป็นโยเกิร์ต
โยเกิร์ตเพิ่มความอร่อยด้วยการใส่ผลไม้ต่างๆ ลงไป
 
คำแนะนำในการบริโภคนมเปรี้ยว
 
     เนื่องจากนมเปรี้ยวเป็นผลิตภัณฑ์ที่เติมสารจุลินทรีย์เข้าไป จึงจำเป็นต้องเก็บในที่ๆ มีอุณหภูมิที่ไม่เกิน 10 องศาเซลเซียส และเก็บไว้ไม่เกิน 7 วัน และควรบริโภคให้หมดก่อนวันหมดอายุ หากเปิดภาชนะบรรจุแล้วบริโภคไม่หมดภายในวันเดียว ควรเก็บไว้ในตู้เย็นและปิดผาให้มิดชิด
 
การสังเกตลักษณะของนมเปรี้ยวที่ดี
 
     ถ้าเป็นนมเปรี้ยวที่เป็นน้ำ ต้องไม่มีตะกอนหรือลักษณะเป็นก้อนๆ ที่ก้นขวดหรือภาชนะบรรจุ ถ้าเป็นโยเกิร์ต จะต้องอยู่ในลักษณะกึ่งแข็งกึ่งเหลว กลิ่นและรสไม่ผิดไปจากปกติ (ยกเว้นกลิ่นและรสที่ปรุงแต่งลงไป)
 
สัญลักษณ์ของแลกโตบาซิลลัตในนมเปรี้ยว
นมเปรี้ยวช่วยปรับสภาพความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้ดูดซึมดีขึ้น
 
     การบริโภคนมเปรี้ยวและโยเกิร์ตจะได้รับกรดแลคติก ที่เกิดจากการหมักตัวของจุลินทรีย์ในนมเปรี้ยวซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแค ลเซี่ยมและฟอสฟอรัสได้ดียิ่งขึ้น ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีอาการท้องเสีย ที่กระเพาะมีปริมาณความเป็นกรดลดลง ทำให้อาหารไม่สามารถย่อยได้ดี การบริโภคนมเปรี้ยวจะช่วยปรับสภาพของกระเพาะอาหารให้เป็นกรดขึ้น และทำให้การดูดซึมอาหารดีขึ้น รวมทั้งป้องกันไม่ให้เชื้อโรคตัวอื่นๆ รุกล้ำเข้าไปใน ระบบย่อยอาหารและนอกจาก นี้จุลินทรีย์ที่เติมในนมเปรี้ยวยังมีส่วนช่วยในการขับถ่ายอีกด้วย และจากที่นมเปรี้ยวบางชนิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากนมสด และนำมาสกัดไขมันออก จึงมีบางคนเข้าใจว่า เป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำ จึงใช้เป็นอาหารหลักในการลดน้ำหนัก ดังนั้นก่อนเลือกซื้อให้พิจารณาก่อนว่า การเลือกซื้อที่ปรุงแต่งเติมน้ำตาลและผลไม้ลงไป ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มพลังงานให้มากขึ้นด้วย แทนที่จะเป็นการลดน้ำหนัก ก็อาจจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักโดยไม่ตั้งใจ
 
     การบริโภคนมเป็นสิ่งที่ดีร่างกายจะได้รับสารอาหารที่ มีประโยชน์ต่อร่างกายครบถ้วน ดังนั้นการบริโภคนมเปรี้ยวจึงต้องพิจารณาวัตถุดิบที่นำมาผลิต รวมทั้งราคาเมื่อเทียบกับปริมาณของอาหาร และสารอาหารที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์อื่นๆในลักษณะใกล้เคียงกัน แต่ถ้าท่านคิดจะบริโภคเป็นอาหารว่าง เพื่อเป็นการเปลี่ยนรสชาติบ้างคงไม่เป็นไร