Pages

หลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญ สด จนทสโร พระผู้ปราบมาร

หลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญ สด จนทสโร พระผู้ปราบมาร

โครงการตักบาตรพระ 1,000,000 รูป 77 จังหวัด ทุกวัดทั่วไทย

Translation

DMC.tv  ธรรมะ สมาธิ FEED

Tuesday, May 24, 2011

ปรโลกนิวส์...การแก้นิสัยมักโกรธและเจ้าโทสะ ตอนต่อจาก เตรียมตัวตายมาอย่างดี

เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
คำถามข้อที่ 2. ทำไมขณะที่อยู่โรงพยาบาล คุณพ่อเพ้อไล่สุนัขสีดำ ลูกเกรงว่าท่านจะติดการมีอารมณ์ฉุนเฉียว เนื่องจากในระหว่างที่ท่านป่วย อารมณ์ของท่านแปรปรวนง่าย ไม่ฟังเหตุผลของใคร ใช้อารมณ์และเชื่อมั่นในตัวเองมาก ท่านจะพ้นวิบากกรรมอารมณ์ร้อนนี้หรือไม่ และต้องทำบุญใด จึงจะพ้นวิบากกรรมอารมณ์ร้อน และเอาแต่ความคิดเห็นของตนเองคะ
        สาเหตุที่ทำให้คุณพ่อของลูกเห็นสุนัขสีดำ ในช่วงที่ท่านพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น ความจริงแล้วก็เกิดจากวิบากกรรมเล็กๆน้อยๆในภพชาติปัจจุบัน ที่คุณพ่อของลูกได้เคยทำผิดทำพลาดเอาไว้กับสุนัขตัวหนึ่ง ได้ช่องตามมาส่งผล และดลบันดาลให้ท่านเห็นภาพสุนัขสีดำในช่วงที่ท่านกำลังป่วยพอดี เรื่องก็มีอยู่ว่า ในสมัยที่คุณพ่อของลูกยังแข็งแรงและยังอยู่ในวัยทำงาน มีอยู่วันหนึ่ง ในขณะที่คุณพ่อของลูกกำลังยุ่งและวุ่นวายอยู่กับงาน ได้มีสุนัขข้างถนนตัวหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่แถวๆนั้น กำลังเดินดมหาอาหารอยู่ข้างๆที่ทำงานของท่าน 
คุณพ่อของลูกได้เคยทำผิดทำพลาดเอาไว้กับสุนัขตัวหนึ่ง จึงทำให้ท่านเห็นภาพสุนัขสีดำในช่วงที่ท่านนอนป่วย
คุณพ่อของลูกได้เคยทำผิดทำพลาดเอาไว้กับสุนัขตัวหนึ่ง
จึงทำให้ท่านเห็นภาพสุนัขสีดำในช่วงที่ท่านนอนป่วย 
        ด้วยความที่ ในตอนนั้นคุณพ่อของลูกกำลังหงุดหงิดเรื่องงาน และเพื่อนร่วมงานที่ทำงานไม่ได้อย่างใจ จึงทำให้ในทันทีที่ท่านเหลือบไปเห็นสุนัขตัวนี้ ซึ่งมันกำลังเดินเกะกะไปเกะกะมาแบบขวางหูขวางตาท่าน ท่านจึงเดินตรงดิ่งไปที่สุนัขตัวนั้น และระบายอารมณ์ด้วยการเตะสุนัขตัวนั้นอย่างเต็มแรง จนมันร้องด้วยความเจ็บปวดและวิ่งหนีไปอย่างลนลาน 
ด้วยความหงุดหงิด คุณพ่อของลูกได้ระบายอารมณ์ด้วยการเตะ สุนัขข้างถนนเต็มแรง
ด้วยความหงุดหงิด คุณพ่อของลูกได้ระบายอารมณ์
ด้วยการเตะสุนัขข้างถนนเต็มแรง
        ครั้นสุนัข ตัวนั้นวิ่งหนีไปได้สักระยะ จนอยู่ในจุดที่มันคิดว่า ตัวมันปลอดภัยจากคุณพ่อของลูกแล้ว มันจึงหันกลับมามองหน้าคุณพ่อของลูกแบบเคืองๆ แล้วแสดงอาการต่อว่าตามประสาสุนัขที่พูดภาษาคนไม่ได้ ด้วยการส่งเสียงเห่าดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อคุณพ่อของลูกถูกสุนัขตัวนั้นเห่ากลับมา ท่านจึงหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น และบันดาลโทสะด้วยการคว้าก้อนหินที่มีขนาดเหมาะมือขว้างใส่สุนัขตัวนั้น อย่างเต็มแรง
 คุณพ่อของลูกบันดาลโทสะด้วยการขว้างก้อนหินใส่สุนัขตัวนั้น
คุณพ่อของลูกบันดาลโทสะด้วยการขว้างก้อนหินใส่สุนัขตัวนั้น
        ด้วยความที่สุนัขตัวนั้นกำลังมีเคราะห์ เพราะถูกวิบากกรรมเก่าที่มันได้เคยทำเอาไว้ในชาติที่เกิดเป็นคน ได้ช่องตามมาส่งผลในช่วงนั้นพอดี ด้วยเหตุนี้ ก้อนหินที่คุณพ่อของลูกขว้างใส่มัน จึงพุ่งตรงและอัดเข้าไปที่ลำตัวของมันอย่างจัง จนทำให้มันได้รับบาดเจ็บ แล้ววิ่งหนีไปด้วยความตกใจอย่างไม่คิดชีวิต แต่ภายหลังจากที่อาการหงุดหงิดของคุณพ่อของลูกได้หายไปแล้ว ท่านก็รู้สึกสงสารสุนัขผู้โชคร้ายตัวนั้นอย่างจับจิตจับใจ และคิดว่าท่านไม่น่าไปทำมันอย่างนั้นเลย ถึงแม้ในภายหลัง คุณพ่อของลูกจะรู้สึกผิดและคิดได้แล้วก็ตาม แต่วิบากกรรมก็ได้เกิดขึ้น และกลายเป็นผังสำเร็จเตรียมรอส่งผลกับคุณพ่อของลูกอยู่ตลอดเวลา
 ต่อมา คุณพ่อของลูกก็รู้สึกผิดที่ได้ไป ระบายอารมณ์ทำร้ายสุนัขตัวนั้น
ต่อมา คุณพ่อของลูกก็รู้สึกผิดที่ได้ไประบายอารมณ์ทำร้ายสุนัขตัวนั้น
        ดังนั้น เมื่อถึงคราวที่คุณพ่อของลูก ถูกวิบากกรรมปาณาติบาตที่ตัวท่านได้เคยฆ่าสัตว์เพื่อทำอาหาร และเอาไปขายเพื่อให้เขาฆ่า ทั้งในภพชาติที่ผ่านๆมา และในภพชาติปัจจุบัน กับวิบากกรรมสุราและสูบบุหรี่ในภพชาติปัจจุบัน ได้ช่องตามมาส่งผล จนทำให้ท่านนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยโรคมะเร็งตับและเบาหวาน วิบากกรรมทั้งสองจึงไปดึงดูดเอาวิบากกรรมเล็กๆน้อยๆที่คุณพ่อของลูกทำไว้กับ สุนัขดังที่กล่าวมาแล้ว ให้มาส่งผลเพิ่มเติมเข้าไปอีก ซึ่งก็เป็นผลทำให้คุณพ่อของลูกมองเห็นภาพสุนัขสีดำมาส่งเสียงรบกวน ในช่วงที่ท่านกำลังนอนป่วย
 ด้วยวิบากกรรมที่คุณพ่อของลูกทำผิดทำพลาดไว้จึงทำให้ท่าน เห็นภาพสุนัขสีดำมารบกวน
ด้วยวิบากกรรมที่คุณพ่อของลูกทำผิดทำพลาดไว้
จึงทำให้ท่านเห็นภาพสุนัขสีดำมารบกวน
        ในเวลาที่คุณพ่อของลูกเห็นสุนัขสีดำที่เกิดจากวิบากกรรมมาบันดาลให้เห็นนั้น ท่านก็กำลังอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น หรือช่วงกำลังเคลิ้มๆใกล้จะหลับ เมื่อท่านรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเดินไปเดินมา และส่งเสียงรบกวนอยู่ภายในห้อง จึงเป็นเหตุทำให้ท่านเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวและรู้สึกรำคาญใจ ยิ่งเมื่อท่านมองเห็นภาพสุนัขสีดำที่เกิดจากวิบากกรรมมาบันดาลให้เห็นแล้ว ท่านก็ยิ่งรู้สึกรำคาญมากยิ่งขึ้น จนในที่สุด ท่านก็ทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาไล่เจ้าสุนัขสีดำตัวนั้นด้วยความหงุดหงิด
        มาถึงตรงนี้ เราจะเห็นว่า “สิ่งที่เราคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ มันอาจจะไม่เล็กน้อยอย่างที่เราคิด” เพราะตราบใดที่เรายังอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม เราจะมองข้ามมันไปไม่ได้เลย เพราะสิ่งที่เราทำ มันอาจจะตามมาส่งผลมากกว่าที่เราคิดในช่วงศึกชิงภพ เหมือนอย่างในกรณีของสุนัขดังที่กล่าวมาข้างต้น
 คุณพ่อของลูกเพ้อไล่สุนัขสีดำเพราะวิบากกรรมเก่าตามมาส่งผล
คุณพ่อของลูกเพ้อไล่สุนัขสีดำ เพราะวิบากกรรมเก่าตามมาส่งผล
        ส่วนวิธีการที่จะทำให้คุณพ่อของลูกหายจากการเป็นคนอารมณ์ร้อนนั้น ถ้าในกรณีที่คุณพ่อของลูกยังมีชีวิตอยู่ ตัวลูกก็ต้องเป็นกัลยาณมิตรให้กับท่าน โดยการแนะนำให้ท่านหมั่นทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา อยู่เป็นประจำ เพื่อจะได้เป็นการฝึกสติให้ท่านรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากตัวท่านจะรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ยังจะทำให้ท่านรู้เท่าทันกิเลสที่กำลังก่อตัวเป็นความโกรธอยู่ภายในใจของ ท่านเองอีกด้วย
 เราต้องทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นประจำ เพื่อเป็นการฝึกสติรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น
เราต้องทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นประจำ
เพื่อเป็นการฝึกสติรู้เท่าทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น
        ยกตัวอย่างเช่น พอรู้ตัวว่าตอนนี้มีความโกรธเกิดขึ้นกับใจของเราแล้ว ก็ให้เราพยายามตั้งสติและระลึกรู้ตัวว่า “ตอนนี้เรากำลังจะโกรธแล้วนะ” เพื่อที่เราจะได้มีสติสอนตัวเองว่า “ความโกรธนั้นเป็นสิ่งไม่ดีเลย” เพราะถ้าเราโกรธ สิ่งที่จะตามมาก็คือ หน้าของเราจะแก่ เสียงก็จะเปลี่ยน ใจก็จะขุ่น ที่สำคัญจะทำให้เราคิดเรื่องดีๆไม่ออก และจะทำให้มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนมากมาย อีกทั้งเมื่อตายแล้วยังต้องไปเกิดเป็นยักษ์ เป็นต้น
 เมื่อเราโกรธ เราจะต้องรู้ตัวว่าเรากำลังโกรธ
เมื่อเราโกรธ เราจะต้องรู้ตัวว่าเรากำลังโกรธ
        นอกจากนั้น ให้เราพยายามเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ผู้ยังไม่หมดกิเลสว่า แต่ละคนล้วนไม่สมบูรณ์ ในเมื่อตัวเราเองยังไม่สมบูรณ์ แล้วจะให้คนอื่นสมบูรณ์หรือทำอะไรถูกใจเราไปเสียทุกเรื่องได้อย่างไร ดังนั้น ในเมื่อทุกคนยังไม่หมดกิเลส แต่ละคนย่อมมีข้อผิดพลาดที่เป็นเหตุทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะโกรธกันไปทำไม สู้ให้อภัยและรักกันไว้ไม่ดีกว่าหรือ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราสอนตัวเองได้อย่างนี้ เมื่อนั้น เราก็จะสามารถหยุดอารมณ์โกรธที่เกิดขึ้นได้ในที่สุด
เราต้องเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ที่ยังไม่หมดกิเลส
เราต้องเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ที่ยังไม่หมดกิเลส
         นอกจากจะแนะนำให้คุณพ่อของลูกหมั่นทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา อยู่เป็นประจำ เพื่อฝึกสติให้รู้เท่าทันอารมณ์และกิเลสที่เกิดขึ้นแล้ว ตัวลูกก็ต้องแนะนำให้ท่านฝึกแผ่เมตตาอยู่เสมอ โดยเริ่มต้นจากการแผ่ความรู้สึกดีๆอันประกอบด้วยความรักและความปรารถนาดีให้ กับตัวเองก่อน จากนั้นก็ค่อยๆขยายไปสู่คนรอบข้างทั้งคนที่เรารักและคนที่เราชัง จนไปถึงเพื่อนรวมโลกและสรรพสัตว์ทั้งหลาย ถ้าหากคุณพ่อของลูกหรือใครก็ตามที่เป็นคนมักโกรธ ทำได้เช่นนี้ ก็จะทำให้ใจของท่านหรือใครก็ตามที่เป็นคนมักโกรธเย็นขึ้น ความหงุดหงิดโมโหร้ายก็จะล่มสลายไปจากใจของท่านหรือใครก็ตามที่เป็นคนมัก โกรธได้อย่างแน่นอน
  
เราต้องแผ่เมตตาอยู่เป็นประจำเพื่อไม่ให้เราเป็นคนมักโกรธ
เราต้องแผ่เมตตาอยู่เป็นประจำเพื่อไม่ให้เราเป็นคนมักโกรธ
         ในความเป็นจริงแล้ว คุณพ่อของลูกก็เป็นคุณพ่อที่น่ารัก เข้าใจครอบครัวและ เข้าใจทุกๆคน และท่านพร้อมที่จะเสียสละตัวเองเพื่อทำให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุข เพียงแต่ว่าโดยส่วนลึกในใจของท่าน ท่านมักจะคิดเสมอว่า “ตัวท่านเป็นคนก่อร่างสร้างครอบครัวและสร้างฐานะ ด้วยหนึ่งสมองสอง มือของท่านเอง” ด้วยเหตุนี้ วันเวลาจึงหล่อหลอมให้คุณพ่อของลูกกลายเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง และไม่ชอบให้ใครโดยเฉพาะลูกๆมาขัดใจท่าน
ความจริงคุณพ่อของลูกเป็นคนรักและเข้าใจทุกคนในครอบครัว
ความจริงคุณพ่อของลูกเป็นคนรักและเข้าใจทุกคนในครอบครัว
         โดยเฉพาะในช่วงที่ท่านป่วย ด้วยความไม่สบายกายและไม่สบายใจอันเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บที่ท่านกำลังเป็น อยู่ จึงทำให้ในเวลาที่มีใครพูดจาอะไรไม่เข้าหู หรือไม่ตรงกับความคิดของท่าน ท่านก็จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันที ดังนั้น ถ้าหากคุณพ่อของลูกยังมีชีวิตอยู่ หรือตัวลูกไปเจอกับใครที่มีอาการคล้ายๆกับคุณพ่อของลูก ลูกก็ต้องใจเย็นๆและคอยเป็นกัลยาณมิตรที่ช่วยประคับประคองและแนะนำให้คุณพ่อ ของลูกหรือใครที่มีอาการคล้ายๆกับคุณพ่อของลูก ทำตามวิธีการที่ได้แนะนำเอาไว้  เมื่อคุณพ่อของลูกหรือไม่ว่าใครก็ตามได้ทำตามวิธีการดังกล่าวแล้ว ก็จะทำให้วิบากกรรมที่เกิดจากความเป็นคนอารมณ์ร้อนเจือจางและเบาบางลงไปได้ ในที่สุด
ด้วยความไม่สบายกายไม่สบายใจในช่วงที่คุณพ่อของลูกป่วย จึงทำให้ท่านรู้สึกหงุดหงิด 
ด้วยความไม่สบายกายไม่สบายใจในช่วงที่คุณพ่อของลูกป่วย

No comments:

Post a Comment